03 ธันวาคม 2559

คาราโอเกะข้างถนน (4)

คาราโอเกะข้างถนน (4)


                  เสียงเพลงร้านข้าวต้มคาราโอเกะดึกดื่นคืนนี้       น่ารำคาญมากกว่าที่จะให้ความสำราญ  เพราะคนร้อง ร้องเพลงเสียงดังและฟังไม่ไพเราะสักนิด    แต่เมื่อใจเราอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ปั่นป่วน และระทึกขวัญ ก็คงต้องทนนั่งฟังไปก่อน

                  “ วันนี้หลุดโลกสักวันเถอะ  สาวน้อยนางหนึ่งร้องตะโกนพร้อมกับลากแขนของเพื่อนหญิงที่นั่งอยู่ ออกมาเต้นรำประกอบเพลง  ส่วนวัยรุ่นสาวอีกคนหนึ่ง  ก็ลุกฃึ้นจับไมค์ร้องเพลงอีสานตามจังหวะคาราโอเกะ ถึงแม้ท่วงทำนองเพลงจะสนุกเร้าใจ  แต่เสียงของผู้ร้องกลับทำให้เพลงลดความไพเราะลง  นี่คงเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่เธอดื่มเข้าไป

                  เมื่อคืนนี้  ข้าพเจ้าได้นำคนไข้สตรีตั้งครรภ์เกินกำหนด  2  คน มาเหน็บยาเพื่อเตรียมปากมดลูกให้นุ่ม โดยกะว่ารุ่งขึ้นตอนเช้า  จะได้เร่งคลอดด้วยการหยดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกทางกระแสเลือด 

                 สตรีมีครรภ์ ปกติจะครบกำหนดคลอดเมื่อตั้งครรภ์ได้ 40 สัปดาห์  แต่คนไข้สตรี 2  คนที่ว่า  มีอายุครรภ์เกินกำหนดถึง 2  สัปดาห์ ทารกจึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะตายในครรภ์สูง

                  ยาที่ใช้เตรียมปากมดลูกชนิดนี้  มีราคาถูกมาก  เพียงแค่เม็ดละไม่ถึง 10 บาท แต่ผลของมันกลับมากมายเกินคาดอย่างน่าประหลาดใจ สมัยก่อนที่ข้าพเจ้าเคยใช้ ก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ ไม่พบมีปัญหา อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจ เลิกใช้ยาตัวนี้ตลอดชีวิต

                  คนไข้สตรีตั้งครรภ์เกินกำหนดรายแรก  เป็นครรภ์ที่สอง  ตอนแรกคิดว่า จะไม่มีปัญหาอะไร  ที่ไหนได้  ตกดึกประมาณ  2  นาฬิกา  พยาบาลห้องคลอดโทรศัพท์มารายงานว่า  “ หมอ  หมอ  เสียงหัวใจเด็กเต้นจังหวะไม่สม่ำเสมอ  บางทีเร็ว บางทีช้า ช่วงที่หัวใจเต้นช้า น่ากลัวมาก เต้นเพียง 60  ครั้งต่อนาทีเท่านั้น  หมอช่วยมาดูหน่อยซิ ”

                  ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกับรายงาน จึงสั่งการรักษาไปว่า  ตรวจภายในดูซิว่า ปากมดลูกเปิดเท่า.ใด อย่าลืมให้คนไข้นอนตะแคง เร่งน้ำเกลือเร็วหน่อยและให้ออกซิเจนด้วยนะ  

           คนไข้ตั้งครรภ์ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจทารกเต้นช้าผิดปรกติ  การรักษาเบื้องต้น  คือ  เพิ่มอัตราของน้ำเกลือเพื่อไม่ให้คนไข้อยู่ในสภาพขาดน้ำ (DEHYDRATION) ส่วนการที่ให้คนไข้นอนตะแคงซ้ายหรือขวา ก็เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่ทารก

           ปากมดลูกเปิด  6  เซ็นติเมตร  พยาบาลห้องคลอดบอกมาทางโทรศัพท์

                   “ อย่างนั้น  ช่วยเจาะถุงน้ำคร่ำให้ที เพื่อดูว่า  เด็กขาดออกซิเจนและถ่ายขี้เทาออกมาหรือเปล่า    ข้าพเจ้าสั่งการรักษาต่อ  และรอคำตอบว่า  จะเป็นอย่างไรต่อไป  สักครู่หนึ่ง พยาบาลโทรกลับมารายงานว่า  ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว

                   โล่งอกไปที  ทารกคงคลอดในเวลาอีกไม่นานนัก  เพราะเป็นครรภ์ที่สอง  ข้าพเจ้าพูดพร้อมกับล้มตัวลงนอน  ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและหลับไปทันที

                  ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า เพิ่งหลับไปไม่กี่นาที ก็ต้องมาตกใจตื่นเพราะมีเสียงเรียกจากวิทยุติดตามตัวให้โทรกลับไปยังห้องคลอดอีกครั้ง  ข้าพเจ้าคิดว่า  คงเป็นปัญหา “รกค้าง  จากคนไข้รายเดิม  แต่จริงๆไม่ใช่   พยาบาลคนเดิมรายงานว่า  “ มีปัญหาอีกแล้ว  คนไข้อีกรายหนึ่งที่หมอเหน็บยาไว้  ตอนนี้  หัวใจของทารกเต้นผิดปรกติเช่นกัน  นับได้ประมาณ  70  ถึง  120  ครั้งต่อนาที    

                 ข้าพเจ้าสั่งการรักษาแบบเดิม คือ ให้ตรวจภายในและจับคนไข้นอนตะแคง สักครู่หนึ่ง พยาบาลกลับมารายงานว่า  “ หมอ หมอ ปากมดลูกเปิดแค่ 2 เซ็นติเมตร  แต่ตอนนี้หัวใจของทารกเต้นลดลงเหลือ  60  ครั้งต่อนาที มดลูกก็หดรัดตัวถี่มาก จากเดิมทุก  3  นาที ขณะนี้เหลือเพียงทุกนาทีครึ่งเท่านั้น ”

                   ตายแล้ว!  สงสัยรกลอกตัวก่อนกำหนด    ข้าพเจ้าร้องอุทาน พลางร้องสั่งการให้ผ่าตัดเป็นการด่วน  ไม่รอช้า  ข้าพเจ้ารีบขับรถออกจากบ้านย่านถนนพัฒนาการทันที  โดยกะเวลาที่จะไปถึงโรงพยาบาลประมาณครึ่งชั่วโมง  แต่จริง ๆ   ข้าพเจ้าใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที  

                   ข้าพเจ้าจำได้ว่า  ขับรถยนต์บนถนนพัฒนาการด้วยอัตราเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  และฝ่าไฟแดง  1  แห่ง    พอรถลัดเลี้ยวเข้าถนนทางด่วนได้   ข้าพเจ้าเหยียบคันเร่งด้วยอัตราเร็วสูงขึ้นไปอีก ประมาณ  150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   ในใจภาวนาว่า  ขออย่าให้ทารกเป็นอะไรเลย

                   อันตรายจากการขับขี่รถยนต์ ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะ จากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง  รถยนต์ส่วนใหญ่ที่คนขับไม่มีสมาธิ มักจะหลุดออกจากแนวถนนและชนกับสิ่งกีดขวางจนตนเองได้รับอันตราย  ข้าพเจ้าเคยประสบปัญหาเรื่องรถชนมาแล้ว 2  ครั้งก็ตรงบริเวณทางโค้งนี่แหละ  จึงพยายามขับรถด้วยความระมัดระวัง  โชคชะตาข้าพเจ้าถือว่า ยังดี ด้วยไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆเกิดขึ้นในระหว่างทาง

                   ตอนที่มาถึง  รพ.  จำได้ว่า เป็นเวลา  3  นาฬิกาของวันใหม่ โดยข้าพเจ้าได้ฝ่าไฟแดงอีก2ครั้ง ตอนลงทางด่วนและบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ก่อนที่เข้าประตูด้านแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลตำรวจ  เมื่อผ่านป้อมยาม ข้าพเจ้าตะโกนบอกยามให้ช่วยอำนวยความสะดวกโดยรีบเลื่อนสิ่งกีดขวางออก เนื่องจากกำลังจะไปผ่าตัดคนไข้เป็นการด่วน

                  ที่ห้องผ่าตัด  ข้าพเจ้ารีบวิ่งถลาเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว  และวิ่งไปล้างมือโดยไม่ได้ใส่รองเท้ายางเพื่อกันเลือด

                  ข้าพเจ้ากรีดลงมีดที่หน้าท้องของคนไข้อย่างรวดเร็ว   ในเวลาไม่ถึง  นาที ก็สามารถทะลุเข้าโพรงมดลูก   พอเห็นสีน้ำคร่ำ  ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจ เพราะน้ำคร่ำมีสีใส  ไม่ใช่สีเขียวขุ่นจากขี้เทาเด็ก(เด็กที่ขาดออกซิเจนจะถ่ายขี้เทาเสมอ)   พอเอามือล้วงลงไปเพื่อทำคลอดศีรษะเด็ก   ข้าพเจ้าก็ต้องอุทาน  ออกมา “เอ๊ะ..ทำไมหัวเด็กเล็กจัง     พอดึงส่วนของศีรษะทารกโผล่พ้นขอบแผลมดลูก  จึงได้รู้ว่า   เป็นทารกที่ไร้กะโหลกศีรษะ (ANENCEPHALY) “

                   “ ถึงว่าละ  เป็นทารกพิการนี่เอง  หัวใจจึงเต้นผิดปกติ  ข้าพเจ้ากล่าวต่อ   รีบแทบตาย!  ผมขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็ว  150  กิโลเมตรต่อชั่วโมง  และฝาไฟแดง  ครั้ง  โชคดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ   ต่อไป  ผมเข็ดแล้ว  เรื่องใช้ยาเหน็บเตรียมปากมดลูกเพื่อเร่งคลอด

                   หมอรู้หรือเปล่า  ไม่กี่เดือนมานี้ มีหมอดมยาคนหนึ่ง  ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง  เพื่อไปช่วยชีวิตคนไข้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  แต่ยังไม่ทันได้ช่วยใคร ก็ต้องมาตายเพราะฝ่าไฟแดงและเกิดอุบัติเหตุรถชน  หมอโชคดีแล้ว  ที่คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุ

                  ใครจะไปคิดถึงเล่าในตอนนั้น  พอพยาบาลรายงานว่า  หัวใจทารกเต้นช้าเพียง 60  ครั้งต่อนาที (ปกติ 140 ครั้งต่อนาทีและมดลูกแข็งตัวทุก  1  นาที  จึงคิดว่า น่าจะเป็นรกลอกตัวก่อนกำหนด (Apruptio Placenta) ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เวลาเพียงแค่ 5-10 นาที ทารกก็อาจตายได้ ผมจึงจำเป็นต้องขับรถเพื่อให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น” ข้าพเจ้าพูดต่อ

                   ภายหลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ข้าพเจ้าได้ติดตามไปดูทารกที่ห้องทารกแรกเกิด  พบว่า ทารกเป็นเพศหญิง  น้ำหนัก  2750 กรัม  เนื้อตัวเขียวคล้ำ หายใจนาน ๆ ครั้ง   ส่วนของศีรษะทารก  มีเพียงแค่ระดับดวงตา  มองดูรูปหน้า คล้ายกับกะโหลกลิง  ที่ถูกตัดทิ้งส่วนบนบริเวณเหนือหูออก  เพื่อทำเป็นอาหารพิเศษชุดเปิบพิศดาร

                   ตอนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกโล่งใจ ที่ไม่ได้ผ่าตัดเอาทารกปกติแต่ไร้ชีวิตออกมา  จิตใจผ่อนคลาย ลดความกังวลไปมาก  ข้าพเจ้ารีบโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อบอกข่าวดีกับภรรยาว่า  ปัญหาต่าง ๆ ได้จบลงแล้ว  การที่โทรศัพท์กลับบ้าน เป็นเพราะรู้ว่า  ภรรยาข้าพเจ้าคงนอนไม่หลับ  และรอฟังข่าวอยู่. .เนื่องจากเธอทราบเรื่องราวมาตั้งแต่ต้น  หลังจากนี้ เธอคงนอนหลับได้  ข้าพเจ้าเองต่างหาก ที่ยังคงนอนไม่หลับต่อไป

                   ข้าพเจ้าขับรถวนเวียนหาร้านข้าวต้ม แถวใกล้ ๆ โรงพยาบาล  แต่ไม่รู้สึกถูกใจสักร้านหนึ่งเนื่องจากไม่มีตู้เพลงคาราโอเกะ  ในที่สุด จึงตัดสินใจขับรถย้อนกลับมาหาร้านแถวบ้านย่านถนนพัฒนาการ   บังเอิญได้พบร้านข้าวต้มคาราโอเกะร้านหนึ่งยังเปิดทำการอยู่  ขณะนั้นเป็นเวลา  4  นาฬิกา  30 นาทีแล้ว   ข้าพเจ้าสั่งอาหาร  2-3  อย่าง  และนั่งลงเขียนบันทึกเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้

                   ตอนแรก ในใจไม่มีสมาธิ  เนื่องจาก สาว ๆ ที่ร้องเพลง  ส่งเสียงหนวกหู  และเต้นรำกันlสะเปะสะปะไปมารอบ ๆ โต๊ะแม้สถานที่จะคับแคบ  แต่  หลังจากเขียนบันทึกเหตุการณ์ไปได้สักพักหนึ่ง  จิตใจจึงค่อยสงบลง   พลันนึกถึงคำพูดของภรรยาที่ตอบมาทางโทรศัพท์ว่า  คืนนี้  คุณจะนอนค้างแรมที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?   ที่นั่น มีผ้าห่มหนาๆไหมอากาศคืนนี้หนาวเย็นมากนะ  ถ้าไม่มีผ้าห่มหนาๆ  ก็กลับมานอนที่บ้านเถอะ

                      ใช่แล้ว!  ในโลกนี้  ไม่มีที่ไหน  อบอุ่นเท่าบ้านของเราหรอก



                                                 &&&&&&&&&&&&&&&

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปรัชญาคนขับรถแทกซี่

  ปรัชญาคนขับรถแทกซี่                 ไม่กี่วันก่อน ตอนเช้ามืด.. ข้าพเจ้าได้นั่งรถแทกซี่ จากโรงพยาบาลบเอกชนกลับบ้านหลังจากเลิกเวร.. ระหว่างท...